มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ดำเนินการจัดภูมิทัศน์ที่เน้นการ ลดการใช้น้ำให้น้อยที่สุด (minimise water usage) โดยการคัดเลือกพรรณไม้ตามหลักการ การปลูกที่ใส่ใจการใช้น้ำ (Water-conscious planting) ซึ่งเลือกใช้ พรรณไม้ทนแล้ง (drought-tolerant plants) เป็นแกนหลักในการจัดภูมิทัศน์ โดยเฉพาะ กลุ่มปาล์ม เพื่อ ลดความต้องการน้ำกลางแจ้ง (reduce outdoor water use) ซึ่งสะท้อนผ่านการมีอยู่ของพรรณไม้หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่
1. การปลูกพรรณไม้เพื่อการอนุรักษ์น้ำ
- กลุ่มปาล์ม (Palms):
- พรรณไม้หลัก: หมาก, มะพร้าว, และ ปาล์ม
- คุณสมบัติ: พืชตระกูลนี้ส่วนใหญ่มีความสามารถในการ ทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง (drought-tolerant plants) สูง และเป็นกลยุทธ์สำคัญในการจัดภูมิทัศน์เพื่อ ลดการพึ่งพาน้ำ (reduce reliance on the main water supply) การปลูกพืชกลุ่มปาล์มจำนวนมากในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นในการ ประหยัดน้ำ ในระยะยาว
- กลุ่มพรรณไม้ทั่วไป (General Species) ที่มีความทนทาน:
- พรรณไม้หลัก: ลีลาวดี, มะยงชิด, ทองอุไร, ปีบ, มะขาม, และ มะม่วง
- คุณสมบัติ: พรรณไม้เหล่านี้เป็นไม้เขตร้อนที่ ทนแล้งได้ดี และปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในท้องถิ่นได้ดี การมี ลีลาวดี (ซึ่งเป็นไม้ที่ต้องการน้ำน้อย) และ ทองอุไร (ไม้ดอกทนแล้ง) ในสัดส่วนที่สูง แสดงให้เห็นถึงการเลือกใช้พืชที่ ใช้น้ำน้อย (low-water species) ในการออกแบบภูมิทัศน์อย่างชัดเจน
- กลุ่มไผ่:
- พรรณไม้หลัก: ชนิดไผ่ไร่และไผ่ผาก
- คุณสมบัติ: ไผ่เป็นพรรณไม้ ทนแล้งได้ดี (Drought-tolerant) ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบน้ำขัง การใช้ไผ่ในการจัดภูมิทัศน์ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของ พรรณไม้ที่ต้องการน้ำปานกลางถึงต่ำ (low to medium watering requirement) และยังสามารถนำมาใช้เป็นแนวรั้วหรือฉากกำบังได้ดี



2. กลุ่มชนิดพรรณไม้เพื่อการอนุรักษ์น้ำ
มหาวิทยาลัยสวนดุสิตแสดงความมุ่งมั่นด้าน การปลูกที่ใส่ใจการใช้น้ำ (Water-conscious planting) โดยการจัดภูมิทัศน์ที่ใช้ต้นไม้รวมทั้งสิ้น 413 ต้น แบ่งเป็นกลุ่มหลักดังนี้:
- พรรณไม้ทั่วไป: จำนวน 289 ต้น
- กลุ่มปาล์ม: จำนวน 82 ต้น
- ไผ่ (รวมไผ่รวกและไผ่ผาก): จำนวน 42 ต้น

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการ ลดการใช้น้ำให้น้อยที่สุด (minimise water usage) จากการปลูกหมาก, ลีลาวดี, มะยงชิด และทองอุไร ซึ่งเป็นพรรณไม้ 4 ลำดับแรกของมหาวิทยาลัยที่ สะท้อนให้เห็นถึงการเลือกใช้พรรณไม้ที่ทนแล้ง (Drought-tolerant plants) ที่สำคัญของมหาวิทยาลัย โดยสัดส่วนของหมาก และลีลาวดี มีสัดส่วนรวมกันกว่า 33.33 % (67 + 57 = 124 ต้น จาก 413 ต้น) จึงเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มหาวิทยาลัยใช้ พรรณไม้ที่ทนแล้ง (Drought-tolerant plants) เป็นแกนหลักในการจัดภูมิทัศน์ นอกจากนี้มะยงชิด และทองอุไร ยืนยันว่าการเลือกพรรณไม้ของมหาวิทยาลัยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดความต้องการน้ำกลางแจ้ง (reduce outdoor water use) และ ลดการพึ่งพาน้ำประปาเป็นหลัก (reduce reliance on the main water supply)
|
ชื่อพรรณไม้ |
จำนวน (ต้น) |
สัดส่วน (%) |
คุณสมบัติเด่น |
|
1. หมาก (Betel Nut Palm) |
67 |
18.01 |
ทนแล้งได้ดีมาก (Drought-tolerant Palm) |
|
2. ลีลาวดี (Frangipani) |
57 |
15.32 |
ใช้น้ำน้อยมาก (Drought-tolerant Succulent) |
|
3. มะยงชิด (Marian Plum) |
16 |
4.3 |
ไม้ผลทนแล้ง (Drought-tolerant Fruit Tree) |
|
4. ทองอุไร (Yellow Bell) |
15 |
4.03 |
ไม้ดอกทนแล้ง (Drought-tolerant Shrub) |
การดำเนินการของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการคัดเลือกและปลูกพรรณไม้ที่เน้น ความทนทานต่อความแห้งแล้ง และ ใช้น้ำน้อย ถือเป็นการแสดงออกถึง การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย SDG 6: Clean Water and Sanitation
