การรับมือภัยพิบัติภูมิอากาศ: บทบาทของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการสร้างความร่วมมือกับท้องถิ่น (SDG 13)

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการรับมือกับ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ข้อที่ 13 (Climate Action) มหาวิทยาลัยจึงได้ร่วมจัดทำ แผนความเสี่ยงน้ำท่วม ขึ้นสำหรับศูนย์การศึกษาและวิทยาเขตต่างๆ โดยมุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงในแต่ละช่วงของภัยพิบัติโดยได้บูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นของจังหวัด

ตัวอย่าง การเฝ้าระวังและการสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่น

ศูนย์นครนายก มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ราบ และห่างจากแม่น้ำนครนายกประมาณ 400 เมตร มีความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ น้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มี พายุเข้าในพื้นที่ ฝนตกหนัก หรือการเกิด น้ำป่าไหลหลาก ที่อาจนำไปสู่ ภาวะน้ำล้นตลิ่ง รวมถึงความเสี่ยงในระดับสูงมาก เช่น กรณี เขื่อนขุนด่านปราการชลแตก เพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นในระดับท้องถิ่น มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังและสนับสนุนข้อมูลดังนี้:

  1. การติดตามและประเมินข้อมูลความเสี่ยง (Risk Monitoring and Assessment):
    1. มหาวิทยาลัยได้ใช้ข้อมูลจาก กรมชลประทาน ในการ ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม บริเวณศูนย์นครนายก เพื่อ คาดการณ์ระดับน้ำท่วมและโอกาสเกิดเหตุ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการจัดทำแผนรับมือ
    2. มีการ ติดตามข้อมูล ข่าวสารแบบ Real-Time โดยเฉพาะผ่าน ระบบโทรมาตร กรมชลประทาน และการรับ การแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

  1. การประสานงานและสนับสนุนภาครัฐ (Coordination and Government Support):
    1. ในกรณีที่ความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง (มีพายุเข้า/น้ำป่าไหลหลาก) มหาวิทยาลัยมีแนวทางที่ชัดเจนคือการ ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ในเรื่อง ข้อมูลความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะน้ำท่วม
    2. การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการรับข้อมูล แต่ยังเป็นการ แลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลในระดับพื้นที่ เพื่อให้การ ประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ในภาพรวมของท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

แผนความเสี่ยงน้ำท่วมของมหาวิทยาลัยครอบคลุม 3 ช่วงหลัก เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย:

  • ก่อนเกิดเหตุ: เน้นการ ลดความเสี่ยง เช่น การเตรียมการป้องกันทรัพย์สิน การย้ายอุปกรณ์การเรียนการสอนขึ้นที่สูง การเตรียมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและปั๊มน้ำ รวมถึงการ จัดการฝีกซ้อมเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วม เช่น การอพยพ
  • ขณะเกิดเหตุ: เน้นการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยใช้ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอพยพนักศึกษาและบุคลากรไปยังที่ปลอดภัย จัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อดูแลสุขภาพและความปลอดภัย
  • หลังเกิดเหตุ: เน้นการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยให้กลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว รวมถึงการ วิเคราะห์ประสิทธิภาพของแผนรับมือ และนำมา ปรับปรุงแผนรับมือน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนด้านที่พักชั่วคราวหรือความช่วยเหลือทางการเงินแก่บุคลากรและนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ

การวางแผนความเสี่ยงน้ำท่วมในแต่ละช่วงนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการสร้างความปลอดภัยและลดผลกระทบต่อการดำเนินการ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยใช้ ข้อมูลความเสี่ยง และ ระบบแจ้งเตือน ของภาครัฐเป็นฐานในการ เฝ้าระวังระดับน้ำ และ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDG 13 ในระดับท้องถิ่น