(SDG 5: Gender Equality – Indicator 5.6.1, 5.6.2, 5.6.3)
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (Suan Dusit University: SDU) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริม สิทธิ ความเท่าเทียม และศักดิ์ศรีของสตรี ในทุกมิติของการดำเนินงาน ทั้งในด้านการบริหารงานบุคคล การจัดการศึกษา การให้บริการวิชาการ และการพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะในมิติของการไม่เลือกปฏิบัติและความเสมอภาคต่อบุคคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาสังคมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality)
กรอบนโยบายและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้กำหนดกรอบนโยบายที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเท่าเทียมในองค์กร ผ่านข้อบังคับสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่
1. ข้อบังคับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2564
2. ข้อบังคับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567
3. ข้อบังคับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ว่าด้วยความเสมอภาคและความเท่าเทียมของผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. 2567
โดยเฉพาะข้อบังคับฉบับล่าสุด (พ.ศ. 2567) ได้เพิ่มเติมแนวทางการส่งเสริม ความเสมอภาค ความเท่าเทียม และการไม่เลือกปฏิบัติในทุกมิติ ทั้งในด้านเพศ อายุ สถานะทางสังคม ศาสนา ความพิการ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ เพื่อให้บุคลากรและนักศึกษาทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสอย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้ ข้อบังคับยังได้กำหนดกลไกและคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ และดำเนินการทางวินัยอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
ข้อบังคับดังกล่าวได้กำหนดไว้ชัดเจนใน หมวด 8 “วินัยและการรักษาวินัย” ของข้อบังคับการบริหารงานบุคคล ว่า
ข้อ 55 (4) “ต้องไม่กระทำการอย่างใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ ข่มเหงผู้ร่วมปฏิบัติงาน นักศึกษาหรือผู้มาติดต่องาน” และ
ข้อ 55 (6) “ต้องไม่กระทำการอันเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัย”
ข้อความในข้อบังคับทั้งสองข้อสะท้อนให้เห็นถึง มาตรฐานทางจริยธรรมและวินัยของบุคลากรมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่ให้ความสำคัญต่อการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศในทุกรูปแบบ
โดยข้อกำหนดดังกล่าวมีเจตนารมณ์ชัดเจนว่า
– บุคลากรของมหาวิทยาลัย ต้องไม่กระทำการเลือกปฏิบัติหรือกีดกันทางเพศในที่ทำงาน
– ห้ามมิให้บุคลากร กระทำการคุกคามทางเพศ การกลั่นแกล้ง หรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ ต่อเพศหญิง หรือผู้ใดก็ตามที่อยู่ในสถานะด้อยกว่าในองค์กร เช่น นักศึกษา ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้มาติดต่องาน
– หากมีการ ล่วงละเมิดทางเพศต่อเพื่อนร่วมงาน หรือนักศึกษา จะถือว่าเป็น ความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อ 55 (6) และข้อ 57 (8) ของข้อบังคับเดียวกัน ซึ่งมหาวิทยาลัยจะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษาความยุติธรรมและความปลอดภัยของสมาชิกในองค์กรทุกคน
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความเท่าเทียมและความเคารพซึ่งกันและกัน
นอกเหนือจากข้อบังคับที่เป็นทางการแล้ว มหาวิทยาลัยสวนดุสิตยังส่งเสริมการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ให้คุณค่ากับความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ ผ่านสื่อรณรงค์ และแนวทางการสื่อสารเชิงบวก เช่น
– การแต่งตั้งสตรีในตำแหน่งผู้นำระดับคณะ/หน่วยงาน เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเพศในเชิงนโยบาย
– การเปิดโอกาสให้เพศหญิงและเพศทางเลือกสมัครเข้าเรียนทุกหลักสูตร ผ่านระบบ TCAS โดยระบุชัดเจนถึง สิทธิ์ในการเข้าถึงทุนและบริการเท่าเทียมกัน
– การเผยแพร่ข้อมูลนโยบายและแนวปฏิบัติผ่านเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัย เพื่อให้บุคลากร นักศึกษา และสาธารณชนเข้าถึง ตรวจสอบ และใช้ประโยชน์ได้จริง
การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยไม่เพียงมีนโยบาย แต่ยังมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง (Policy in Action) เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมแห่งความเท่าเทียมในทุกระดับ
นโยบายการไม่เลือกปฏิบัติต่อสตรีของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงไม่ใช่เพียงเอกสารเชิงนโยบาย แต่เป็น พันธกิจเชิงสถาบัน (Institutional Commitment) ที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานและการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเปิดโอกาสให้ทุกคนพัฒนาได้อย่างเท่าเทียม
มหาวิทยาลัยยังคงทบทวนและปรับปรุงข้อบังคับและนโยบายด้านความเท่าเทียม อย่างต่อเนื่องระหว่างปี พ.ศ. 2564–2567 เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมและมาตรฐานสากล พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งความเท่าเทียมและความยั่งยืน (University for Equality and Sustainability)”
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
นโยบายการไม่เลือกปฏิบัติต่อสตรีของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ไม่ได้เป็นเพียงข้อบังคับทางเอกสารเท่านั้น แต่เป็น พันธกิจเชิงสถาบัน (Institutional Commitment) ที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานและการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถพัฒนาได้อย่างเท่าเทียม โดยมหาวิทยาลัยยังคงทบทวนและปรับปรุงนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงปี พ.ศ. 2564–2567 เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมและมาตรฐานสากล ด้วยความมุ่งมั่นนี้ มหาวิทยาลัยสวนดุสิตจึงยืนหยัดในฐานะ “มหาวิทยาลัยแห่งความเท่าเทียมและความยั่งยืน (University for Equality and Sustainability)” ที่ส่งเสริมสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศอย่างแท้จริง
