นโยบายและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของระบบนิเวศทางบกที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะป่าไม้ ภูเขา และพื้นที่แห้งแล้ง

การดำเนินงานด้านการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของระบบนิเวศทางบกที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย
โดยเฉพาะป่าไม้ ภูเขา และพื้นที่แห้งแล้ง เป็นไปตามประกาศมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เรื่อง นโยบายการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พลังงาน และทรัพยากรของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ลงวันที่ 18 สิงหาคม2565 ให้นักศึกษา บุคลากร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และทรัพยากรของมหาวิทยาลัย ตามข้อ 4 ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารการจัดการด้านการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงด้านภูมิทัศน์ตามหลักการจัดสวนเชิงนิเวศและการรักษาพื้นที่สีเขียว รวมถึงการอนุรักษ์และการฟื้นฟูที่ดินอย่างยั่งยืน (ที่มา https://sdg.dusit.ac.th/wp-content/uploads/2023/10/Announcement-of-Environmental-Quality-Management-Policy.pdf)

อีกทั้งยังสอดคล้องกับกรอบการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (อพ.สธ.-มสด.) ในกิจกรรมที่ 3 กิจกรรมปลูกรักษาทรัพยากร (ที่มา https://rspg.dusit.ac.th/66/rspg-project/ และ https://rspg.dusit.ac.th/66/%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%9a%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%84%e0%b8%b4%e0%b8%94/)

มหาวิทยาลัยได้ดำเนินนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางบกผ่านโครงการสำคัญที่เน้นการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน โดยในปี 2566 ได้มีการพัฒนานวัตกรรมปุ๋ยหมักโบกาฉิร่วมกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ซึ่งใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบหลัก พร้อมทั้งจัดอบรมเผยแพร่องค์ความรู้สู่ชุมชนในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน ส่งผลให้เกษตรกร และชุมชนสามารถผลิตปุ๋ยหมักโบกาฉิจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในท้องถิ่น และนำมาใช้ในแปลงปลูกของตนเอง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ทดแทน การใช้ปุ๋ยเคมี ปรับปรุงคุณภาพดินและน้ำ ลดการเผาเศษวัสดุ ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และสามารถผลิตเพื่อเป็นรายได้ รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ปุ๋ยของชุมชน เพื่อให้มีช่องทางการตลาดมากขึ้น ภายใต้โครงการ อพสธ มสด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ (ปุ๋ยหมักโบกาฉิ: Bokashi Fertilizer) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน ในอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบเกษตรปลอดภัยและอนุรักษ์พันธุ์พืชท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวัสดุปลูกคุณภาพสูงจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพดินด้วยพืชบำรุงดิน และการศึกษาการใช้จุลินทรีย์ในการเกษตร ซึ่งเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการการพัฒนาการปลูก การดูแล และการเก็บเกี่ยวกล้วยเล็บมือนางของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ ศูนย์การศึกษานครนายก (ที่มาhttps://www.dusit.ac.th/home/2023/1094363.html และ https://bcproject.dusit.ac.th/ )

อีกทั้งยังมีโครงการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์หัวเชื้อจุลินทรีย์ทนเค็มด้วยเทคโนโลยีนาโนชีวภาพ ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายสารอินทรีย์และธาตุอาหาร ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นข้าวในสภาวะดินเค็มของพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาดินเค็มในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการทำเกษตรกรรมในภาคกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสุพรรณบุรี การดำเนินงานมุ่งเน้นการใช้วิธีการทางธรรมชาติในการฟื้นฟูระบบนิเวศดิน โดยศึกษาและพัฒนาการใช้จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการทนเค็มและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาดินเค็มแล้ว ยังเป็นการลดการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม

และโครงการการคัดเลือกศักยภาพของแบคทีเรียในดินจาวปลวกและลำไส้ปลวกเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน โดยได้ดำเนินนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางบกผ่านโครงการหอมขจรฟาร์ม ซึ่งเป็นแปลงสาธิตเกษตรปลอดภัยอัจฉริยะที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมปุ๋ยชีวภาพจากดินจอมปลวก ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศท้องถิ่น การดำเนินงานมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายและศักยภาพของจุลินทรีย์ในธรรมชาติ นำมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมหัวเชื้อและสูตรปุ๋ยหมักชีวภาพ เพื่อส่งเสริมการผลิตอาหารปลอดภัยและการทำเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยลดการใช้สารเคมีและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ซึ่งในภาพรวมการดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางบก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยมหาวิทยาลัยมีแผนที่จะขยายผลการดำเนินงานและพัฒนาโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืชท้องถิ่นเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อสร้างความยั่งยืนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างต่อเนื่อง