มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตระหนักดีว่า “น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล (Clean Water and Sanitation)” ไม่ใช่เพียงแค่ความจำเป็นพื้นฐาน แต่เป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรอบ อีกทั้งการดำเนินการนี้เป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ที่ต้องจัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นต่างๆ ดังนี้
- Water Consumption (การใช้น้ำ) เป็นการแสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพการใช้น้ำ และการลดปริมาณการใช้ เพื่อบรรลุเป้าหมายการประหยัดน้ำ
- Water Discharge (การบำบัดน้ำเสีย) เป็นการยืนยันว่าน้ำเสียทั้งหมดถูกบำบัดให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนปล่อยสู่สาธารณะ เพื่อปกป้องแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม
- Water Access (การเข้าถึง) เป็นการจัดหา น้ำดื่มฟรีที่ปลอดภัย ให้แก่ประชาคมมหาวิทยาลัยทุกคน
environmental-quality-management-policy-2565.pdf
การขับเคลื่อนนี้จึงมิใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นการสร้างแบบอย่างในเชิงการบริหารจัดการอย่างรับผิดชอบและรอบคอบ (Stewardship) และขยายการบริการให้เข้าถึงกับทุกภาคส่วน (Outreach) อย่างแท้จริง ภายใต้การดำเนินงาน ต่อไปนี้
- การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ (Water Management)
สวนดุสิตมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เริ่มตั้งแต่การวัดผลไปจนถึงการติดตั้งเทคโนโลยีประหยัดน้ำในอาคาร
- การวัดผลและการรายงาน: มหาวิทยาลัยมีการติดตามและจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำอย่างเป็นระบบ โดยมีปริมาณการใช้น้ำรวม 285,340 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และ การใช้น้ำเฉลี่ยเท่ากับ 26.53 ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี ข้อมูลนี้เป็น ฐานข้อมูล สำคัญในการวางแผนลดการใช้ทรัพยากร
- นโยบายการประหยัดน้ำและเทคโนโลยี: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้กำหนดนโยบายตามประกาศมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เรื่อง นโยบายการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พลังงานและทรัพยากรของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ข้อ 7 ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบบริหารการจัดการด้านพลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด รวมถึงการปรับปรุงอาคารและการสร้างอาคารใหม่ โดยมุ่งเน้นการประหยัดน้ำในอาคารอย่างจริงจังตามนโยบายของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการด้านพลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึง (1) การจัดการทรัพยากร (Resource Management): ที่แสดงให้เห็นถึงการมองทรัพยากรแบบองค์รวมด้านการบริหารจัดการน้ำควบคู่กับการจัดการพลังงาน (2) การปรับปรุงและสร้างอาคารใหม่ (Building Modernization) โดยการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำให้มีการบริหารจัดการอาคารโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรน้ำ โดยติดตั้ง อุปกรณ์ประหยัดน้ำ ตามมาตรฐาน มอก. ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย อาทิ โถสุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำ และ ก๊อกน้ำอัตโนมัติ ที่ช่วยควบคุมการไหลของน้ำให้เปิด-ปิดตามการใช้งานจริง ก๊อกน้ำที่ผ่านมาตรฐาน มอก. 2067-2552 ซึ่งระบุว่าจะต้องมีอัตราการไหลของน้ำ ไม่เกิน 6.0 ลิตรต่อนาที และ ไม่น้อยกว่า 0.50 ลิตรต่อนาที เพื่อให้มีการใช้น้ำอย่างเหมาะสมและประหยัด ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการ ลดปริมาณการใช้น้ำ อย่างยั่งยืน
รูปครัว 11 ห้องน้ำ อาคาร 11
2. การบำบัดน้ำเสียและการนำกลับมาใช้ใหม่ (Water Recycling & Treatment)
ความรับผิดชอบสูงสุดของมหาวิทยาลัย คือ การประกันว่า น้ำทิ้ง ที่ระบายสู่สาธารณะต้องมีคุณภาพตามมาตรฐานและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
- ระบบบำบัดน้ำเสียแบบแยกส่วน (Segregated Treatment): มหาวิทยาลัยออกแบบ ระบบบำบัดน้ำเสีย ที่เหมาะสมกับแหล่งกำเนิด:
- น้ำเสียจากสำนักงาน ใช้ระบบ Activated Sludge และ Septic Tank (ถังบำบัดชีวภาพแบบไม่ใช้อากาศ)
- น้ำเสียจากการผลิตอาหารผ่านการบำบัด 2 ขั้นตอน พร้อมการติดตั้ง ถังดักไขมัน ก่อนเข้าสู่ระบบจุลินทรีย์แบบใช้อากาศ
- น้ำเสียจาก ห้องปฏิบัติการ มีระบบสำหรับกำจัด สารเคมีอันตราย และผ่านระบบกรองทรายก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม


การดำเนินงานด้านการจัดการน้ำเสีย
มหาวิทยาลัยมีการจัดการน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง ณ แหล่ง กำเนิด ก่อนรวบรวมน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดที่กระจายตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ และปล่อยน้ำทิ้งออกสู่รางระบายสาธารณะ


กวาดเศษอาหารออก
ก่อนล้างภาชนะ
ติดตั้งถังดักไขมันเพื่อ
บำบัดน้ำเสียในขั้นต้น
มีระบบบำบัดน้ำเสียทุกพื้นที่
และมีการติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพระบบ
การพัฒนาทักษะ
ผู้ปฏิบัติงาน




- การตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง: มหาวิทยาลัยมีการ ตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง อย่างสม่ำเสมอ โดยส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ใน ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 ของศูนย์สิ่งแวดล้อม ซึ่งยืนยันว่าคุณภาพน้ำทิ้ง เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

- การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse): มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้นำน้ำที่ผ่านการบำบัดจนได้มาตรฐานแล้ว ประมาณ 20 ลูกบาศก์เมตร จากอาคารแววเที่ยงธรรมไปใช้ในการรดน้ำต้นไม้ ภายในพื้นที่ นอกจากนี้ วิทยาเขตสุพรรณบุรี ยังนำน้ำที่บำบัดแล้วไปใช้ใน งานเกษตรและภูมิทัศน์ รวมถึง แบ่งปันสู่ชุมชน เพื่อใช้ในภาคการเกษตร ตามนโยบายการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พลังงานและทรัพยากรของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ข้อที่ 6 ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารการจัดการ ปรับปรุง ป้องกันและควบคุมมลพิษโดยการจัดการของเสีย ของเสียอันตรายน้ำเสีย อากาศ สารเคมี และมลพิษอื่นๆ และให้ความสำคัญกับการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานที่กำหนดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แผนผังแสดงระบบน้ำอาคารแววเที่ยงธรรม

- ขั้นตอนการบำบัดและการหมุนเวียนนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
|
ที่ |
ผังกระบวนการ |
ระยะเวลา |
รายละเอียด |
ผู้รับผิดชอบ |
|
1. |
น้ำเสียจากส่วนต่างๆ | |||
|
2. |
น้ำเสียจากห้องปฏิบัติ การอาหารนานชาติ |
เมื่อมีการเรียนการสอน |
-น้ำทิ้งจากการเรียนการสอบในส่วนของห้องปฏิบัติการอาหารนานาชาติชั้น 4 |
เจ้าหน้าที่โรงเรียนอาหารนานาชาติ |
|
3. |
ถังดักไขมันใต้จุดล้าง |
เมื่อการล้าง |
-ถังดักไขมันประจำจุดล้างต่างๆจะทำการกรองไขมันจากการประกอบอาหาร |
เจ้าหน้าที่โรงเรียนอาหารนานาชาติ |
|
4. |
บ่อดักไขมันรวม |
-น้ำเสียจะถูกปล่อยลงสู่บ่อดักไขมันประจำอาคารบริเวณหลังอาคารด้านทิศตะวันตก |
เจ้าหน้าที่โรงเรียนอาหารนานาชาติ | |
|
5. |
น้ำเสียจากห้องปฏิบัติการ
|
เมื่อมีการเรียนการสอน |
-น้ำเสียจากแลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ |
เจ้าหน้าที่แลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ |
|
6. |
สารเคมี มี ไม่มี |
-มีน้ำเสีย 2 ประเภทคือน้ำทิ้งปกติ และน้ำทิ้งที่มีสารเคมี |
เจ้าหน้าที่แลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ | |
|
7. |
ระบบกรอง สารเคมี |
15 นาที |
-น้ำเสียที่มีสารเคมีปนเปื้อนจะเข้าตู่เครื่องแยกสารเคมี ![]() |
เจ้าหน้าที่แลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางค์ |
|
8. |
ระบบบำบัดน้ำเสีย |
2 ชั่วโมง |
-น้ำทิ้งที่ผ่านการแยกสารเคมีแล้วจะลงมาสู่ระบบบำบัดใหญ่ประจำอาคารด้านหลังอาคารฝั่งทิศตะวันตก |
เจ้าหน้าที่แลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง |
|
9. |
ถังดักไขมัน |
-น้ำทิ้งปกติจะผ่านถังดักไขมันใต้จุดล้าง |
เจ้าหน้าที่แลบวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง | |
|
10 |
ระบบบำบัดน้ำเสีย หลักประจำอาคาร |
-น้ำทิ้งทั้งหมดหลังจากผ่านกระบวนการต่างๆแล้วจะลงสู่ระบบระบายน้ำหลักประจำอาคาร |
ช่างซ่อมบำรุง | |
|
11 |
ปล่อยน้ำที่บำบัดแล้ว ลงสู่ สระน้ำอาคารสวนแก้ว 2 |
-น้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วจะถูกปล่อยลงสู่บ่อน้ำอาคารสวนแก้ว 2 เพื่อที่งานงานเกษตรและภูมิทัศน์ จะนำน้ำไปใช้ในการภาคงานสวนและเกษตร และเลี้ยงสัตวน์น้ำ ตลอดจนจ่ายน้ำออกให้ลำลางน้ำด้านข้างวิทยาเขต เพื่อเป็นแหล่งน้ำในภาคเกษตรสำหรับชุมชน |
งานเกษตรและภูมิทัศน์ | |
|
12. |
จบกระบวนการ |
หัวใจหลักที่ 3: การเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย (Safe Water Access)
SDU ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขอนามัยของประชาคม โดยการันตีการเข้าถึง น้ำดื่มฟรีที่สะอาดและปลอดภัย สำหรับทุกคน:
- น้ำประปา: ใช้แหล่งน้ำที่สำคัญ คื อ น้ำประปาจากการประปานครหลวงในพื้นที่หลัก และการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่วิทยาเขตและศูนย์การศึกษา โดยมีการสำรองน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉินในทุกพื้นที่การศึกษา และ และมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำ หากพบว่ามีปริมาณคลอรีนตกค้างน้อยกว่าเกณฑ์ มาตรฐานที่กำหนด อีกทั้งมีการล้างถังพักน้ำโดยการประปานครหลวงปีละ 1 ครั้ง เพื่อความสะอาดและสุขอนามัยที่ดี



- จุดบริการน้ำดื่ม: มีการจัดตั้ง จุดบริการน้ำดื่มฟรี ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย วิทยาเขต และศูนย์การศึกษา จำนวน 103 จุด ซึ่งสามารถบริการน้ำดื่มที่สะอาดได้รวมทั้งสิ้น 24.96 ลูกบาศก์เมตร


- การเฝ้าระวังคุณภาพ: น้ำดื่มจากจุดบริการเหล่านี้จะถูก เก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ ในห้องปฏิบัติการของศูนย์สิ่งแวดล้อม ทุก 3 เดือน ซึ่งผลการวิเคราะห์ยืนยันว่าคุณภาพน้ำเป็นไปตาม ค่ามาตรฐานจากประกาศกรมอนามัย การดำเนินการนี้ช่วย ส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดี และ ลดปริมาณขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง


หัวใจหลักที่ 4: การจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการและการบริการสังคม (Water Stewardship & Outreach)
การจัดการน้ำของ SDU ขยายผลไปสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม:
- การจัดการอุทกภัยและบำรุงรักษา: มหาวิทยาลัยมีการจัดทำ แผนปฏิบัติการประจำปี เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยต่อระบบบำบัดน้ำเสีย โดยมีการทำความสะอาด เก็บขยะ และลอกท่อระบายน้ำ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และ สูบตะกอน อย่างน้อยทุก ๆ 3 เดือน


- การใช้ทรัพยากรน้ำบาดาลอย่างยั่งยืน: มหาวิทยาลัยสวนดุสิตมีการติดตั้ง ระบบผลิตน้ำบาดาล ในวิทยาเขตสุพรรณบุรี ศูนย์การศึกษาลำปาง, ตรัง โดยที่ วิทยาเขตสุพรรณบุรี ได้นำ ระบบสูบน้ำบาดาลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ในการผลิตน้ำดื่ม ซึ่งเป็นการแสดงออกถึง Sustainable Water Extraction และ การลดการพึ่งพาน้ำประปา


- การส่งเสริมเกษตรใช้น้ำน้อย (Outreach): ผ่านโครงการ “หอมขจรฟาร์ม” ณ วิทยาเขตสุพรรณบุรี โดยได้เป็น แหล่งเรียนรู้เกษตรแนวใหม่ โดยส่งเสริมการปลูก พืชเศรษฐกิจที่ใช้น้ำน้อย เช่น เมลอนและว่านหางจระเข้ รวมถึงพืชผักสวนครัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นการ ส่งเสริมการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ และ สร้างรายได้ให้กับชุมชน อย่างยั่งยืน (เชื่อมโยงกับ SDG 2)



โครงการเหล่านี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการเป็นผู้นำด้านการจัดการน้ำที่ครบวงจร ตั้งแต่การใช้ การบำบัด การนำกลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการแบ่งปันความรู้สู่สังคม ตามพันธกิจของ SDG 6 และ THE Impact Rankings 2026 อย่างเต็มภาคภูมิ

